6 ธันวาคม 2557

Cranberry Cream Cheese Rye Buns : ขนมปังไรย์แครนเบอรี่ครีมชีส

          เมื่อครั้งที่อยู่สิงค์โปร์ ต๋อยจะชอบซื้อขนมปังแครนเบอรี่ครีมชีสทานบ่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นร้าน Bread talk หรือร้านเบเกอรี่ทั่วไป เพราะชอบที่ขนมปังนุ่ม และหอมครีมชีสมาก ๆ ชอบทานแต่ไม่รู้ว่าเค้าทำกันยังไง วันนึงก็นั่งเปิดหาสูตรขนมปังไปเรื่อยเปื่อยจนกระทั่งไปเจอสูตรที่บล็อคของแม่เจเจ สูตรต้นฉบับ Clik here คลิกที่นี่ ครีมชีสเหลือจากการทำชีสเค้กไปเมื่อวันก่อนอยู่พอดีจัดการซะเลย



วีดีโอ My video Click Here



          ตามสไตร์ของต๋อยที่ไม่ค่อยจะทำตามสูตรเค้าเท่าไหร เลยมีการปรับเปลี่ยนส่วนผสมแป้งเล็กน้อย เพื่อสุขภาพและทำให้ขนมปังนุ่มมากขึ้น Bread Talk ก็ Bread Talk เถอะค่ะ ต่อไปนี้ไม่ได้แอ้มเงินเราแล้ว หุหุหุ......หัวเราะอย่างผู้ชนะ สูตรนี้ถือเป็นอีกสูตรในดวงใจเลย ชอบมากๆ  ไปดูสูตรที่ต๋อยทำกันเลยดีกว่าค่ะ


ส่วนผสมแป้งเปียก



หน้าตาแป้งเปียกจ้า

แป้งขนมปัง 50 กรัม
น้ำเดือด 75 กรัม



ห่อพลาสติกแล้วเข้าตู้เย็น 1 คืน

วิธีทำ เทน้ำเดือดลงในแป้ง คนเร็ว ๆ จนเนียนเป็นเนื้อเดียวกัน ห่อด้วยพลาสติก เก็บในตู้เย็น 1 คือ หรือ 12 ชม.


ส่วนผสมแป้งโดว์





แป้งขนมปัง 180 กรัม
แป้งไรย์ 30 กรัม (ใครไม่มีใช้แป้ง โฮลวีทแทนได้ค่ะ)
แป้งเค้ก 20 กรัม
น้ำตาลทราย 50 กรัม
ยีสต์แห้ง 6 กรัม หรือ1 1/4 ชช.
เกลือ 1/2 ชช.
นมอุ่น 50 กรัม
ไข่ไก่ 1 ฟอง(64กรัม)
เนยจืดนิ่มๆ 50 กรัม
น้ำมันมะพร้าว 1 ชช.
แครนเบอรี่ 50 กรัม

*ส่วนผสมทุกอย่างต้องอยู่ในอุณหภูมิห้องนะคะ รวมทั้งแป้งเปียกด้วย ก็ให้นำออกมาวางไว้ข้างนอกก่อนที่จะเริ่มทำขนมปังประมาณ 30 นาที 


สูตรแป้งโดว์สามารถปรับเปลี่ยนเป็น 
แป้งขนมปัง 210 กรัม
แป้งเค้ก 20 กรัม

หรือ
แป้งขนมปัง 190 กรัม
แป้งสาลีเอนกประสงค์ 40 กรัม


ส่วนผสมไส้ครีมชีส

1.เนยจืดนิ่มๆ 40 กรัม
2.ครีมชีสอุณหภูมิห้อง 200 กรัม
3.น้ำตาลไอซิ่ง 50 กรัม
4.เกลือป่นหยิบมือ

วิธีทำ ตีเนยและน้ำตาลไอซิ่งให้ฟูเนียน โดยทยอยใส่น้ำตาลลงไป จากนั้นใส่ครีมชีสตีจนขึ้นฟู ใส่เกลือเล็กน้อย ตีต่อให้เข้ากัน พักในตู้เย็น 30 นาที 

ต๋อยไม่ได้ใส่ส่วนผสมทุกอย่างเหมือนกับสูตรต้นฉบับเลย เนื่องจากต้องการให้มีรสชาติของครีมชีสเต็ม ๆ และลดปริมาณน้ำตาลลงจากสูตร 30 กรัม หลังจากตีเสร็จชิมดูก็หวานในระดับที่ต้องการ หากใครอยากทำตามสูตรจริง ๆของเค้า คลิกไปที่ลิงค์สูตรต้นฉบับด้านบนได้เลยนะคะ



วิธีทำ

1.นำแครนเบอรี่แช่ในน้ำทิ้งไว้ 30 นาที พักให้สะเด็ดน้ำหรือซับด้วยกระดาษ

2.ผสมแป้งทั้ง 3 ชนิดและเกลือเข้าด้วยกันจากนั้น จากนั้นเติมของแห้ง น้ำตาลทราย ยีสต์แห้ง คนให้เข้ากัน แล้วใส่ลงเหลวลงไป รวมถึงแป้งเปียกด้วย นวดด้วยเครื่องความเร็วปานกลางประมาณ 5 นาที จากนั้นใส่แครนเบอรี่ลงไปนวดต่ออีกประมาณ 5 นาทีหรือจนกว่าจะได้โดว์ที่เนียนนุ่ม 

3.จากนั้นพักโดว์ในอ่างที่ทาไขมัน ปิดด้วยพลาสติก ทิ้งไว้ที่อุณภูมิห้องให้ขึ้นเป็น 2 เท่า ใช้เวลาประมาณ 1 ชม.





4.ช่วงที่พักแป้งก็มาตีครีมชีสกัน เริ่มจากตีเนยและน้ำตาลไอซิ่งให้ขึ้นฟูก่อน จากนั้นเติมครีมชีสลงไปตีจนเป็นครีมข้น เติมเกลือเล็กน้อย แล้วนำไปแช่ตู้เย็นไว้





5.เมื่อแป้งโดว์ขึ้นได้ที่แล้วชกไล่ลม แล้วนำมาตัดแบ่งเป็นก้อน ๆ จำนวน 9 ก้อน น้ำหนักก้อนละ 64 กรัม คลึงแป้งเป็นก้อนกลม พักในถาดที่ปูด้วยกระดาษไข ผ้าคลุมทิ้งไว้ 10 นาที (ที่ทำ 9 ก้อนเพราะว่าจะพอดีกับถาดที่มีอยู่ โดยการวางเป็น 3 แถวๆละ 3 ก้อน)





6.ครบ 10 นาทีแล้วให้นำแป้งก้อนแรกที่คลึงไว้ มาแผ่บนโต๊ะที่โรยแป้งนวลบาง ๆ ตักครีมชีสที่ตีไว้ลงไปใส่ตรงกลางแล้วห่อให้เป็นก้อนกลม นำกลับไปวางไว้ในถาดเช่นเดิม เมื่อทำครบทั้ง 9 ก้อนแล้ว ให้ใช้ถาดอีกหนึ่งใน ทาเนยหรือน้ำมันที่ก้นถาด นำมาวางทับบนแป้งที่ใส่ไส้เรียบร้อยแล้ว พักแป้งต่ออีก 45 นาทีถึง 1 ชม.





7.สำหรับเทคนิคที่ต๋อยใช้คือ เมื่อครบ 45 นาทีให้เปิดเตาอบไว้รอที่อุณหภูมิ 210 C เมื่อเตาอบร้อนได้ที่ ก็ยกทั้ง 2 ถาดเข้าอบพร้อม ๆ กัน ใช้เวลาอบ 12 นาที จากนั้น ยกถาดอันบนออกแล้วอบต่ออีก 2 นาที โดย 1 นาทีให้กลับถาด เพื่อที่หน้าขนมปังจะได้เป็นสีเหลืองทองเหมือน ๆ กันทุกชิ้น



บางก้อนทาเนยแต่บางก้อนไม่ได้ทา

8.อบเสร็จแล้วให้นำออกมาวางพักไว้บนตะแกรง ต๋อยลองทาเนยดูประมาณ 3-4 ชิ้น เพื่อให้เงาสวย แต่ใครจะทาหรือไม่ทาก็ได้ค่ะ ความอร่อยไม่ต่างกัน เมื่ออุ่นแล้วก็จัดเสิร์ฟได้ 


ทาหรือไม่ทารสชาติก็ไม่แตกต่างกันค่ะ


ถ่ายรูปเสร็จจัดการไป 2 ชิ้น อิ่มเลย


ขอบคุณเพื่อน ๆ ที่ติดตาม ขอให้สนุกกับการทำขนมปังนะคะ 








4 ธันวาคม 2557

ยำไก่ : อาหารเหนือ

           เมนูนี้ทำให้ต๋อยคิดถึงบ้านที่เชียงราย เพราะมันคืออาหารพื้นเมืองของคนเหนือ ส่วนใหญ่ยำไก่จะได้ทานก็ต่อเมื่อมีการทำบายสีสู่ขวัญ เนื่องจากการทำบายสีสู่ขวัญจะต้องใช้ไก่บ้านทั้งตัว ต้มพอสุกแต่ไม่เปื่อย มัดปีกมัดเท้า แล้วจัดอยู่ในบายสี พอทำพิธีเสร็จ แม่บ้านก็จะนำไก่นั้นมาฉีกเป็นชิ้น ๆ แล้วปรุงน้ำยำตามแบบฉบับคนเมือง แล้วใส่ไก่ลงไป และตักเสิร์ฟผู้ที่มาร่วมงาน

         มาอยู่ต่างแดนนาน ๆ ก็นึกครึ้มอกครึ้มใจอยากทานขึ้นมา ประกอบกับสวนผักที่คอนโดมีคนปลูกต้นผักไผ่ ผักไฝ่ ผักแพรว หรือตามแต่คนจะเรียกกันไว้ กำลังตั้งยอดสวยงาม เลยแอบไปเด็ดมา 3 ยอด....เสร็จโจร (ลูกบ้านเก็บทานได้ค่ะ แค่อย่าเก็บเยอะจนถอนรากถอนโคนแค่นั้นเอง เค้ามีกฏเขียนแจ้งไว้ให้ทราบ อิอิ)




          ไก่ก็ซื้อมาไว้ครึ่งตัว เลือดหมูแช่อยู่ในตู้ไม่รู้จะทำอะไร หลังจากไปตลาดสดได้มาตั้ง 2 ก้อน เลยยกออกมาจัดเตรียมให้หมดเลย พริกลาบก็มีแล้ว แม่เพื่อนให้มาตั้งแต่อยู่สิงคโปร์ ยังไม่หมดเลย ต้นหอม ผักชี ก็พร้อม เราไปดูวิธีทำกันเลยดีกว่าค่ะ


ส่วนผสม

ไก่ครึ่งตัว หรือแล้วชอบ 
ใบมะกรุด 3 ใบ
ตะไคร้ 1 ต้น
คนอร์ 1 ก้อน
เลือดไก่หรือเลือดหมู 1 ก้อน
พริกลาบ 1-2 ชต.
เกลือ
ต้นหอม
ผักชี
ผักไฝ่ 3 ยอด
*ใครมีหัวปลี เห็ด อยากใส่เพิ่ม ก็นำไปต้มหลังจากไก่สุกแล้วได้นะคะ

วิธีทำที่ 1 กรณีมีพริกลาบ




1.ล้างไก่ให้สะอาด ถ้าไม่ชอบหนังก็เลาะออกให้หมดเลยค่ะ ตั้งน้ำให้เดือด จากนั้นใส่ไก่ลงไปต้ม ใส่คนอร์ ตะไคร้ทุบ ต้มจนกระทั่งไก่สุกแต่ไม่ต้องเปื่อยมาก (ก่อนที่ไก่จะสุก หากใครชอบใส่หัวปลีก็หั่นใส่ลงไปตอนนี้ได้เลยนะคะ) นำชิ้นไก่ออกมาพักไว้ให้เย็น แล้วฉีกตามความยาวของไก่ หรือทำเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยตามชอบ  




2.ตั้งหม้อใส่น้ำมันลงไปด้วยเล็กน้อย อย่าให้ร้อนมาก แล้วนำกระเทียบทุบลงไปผัดให้หอม ใส่พริกลาบลงไปผัด ระวังใส่เยอะจะเผ็ดเกินไป ผัดพอหมอนำไก่ฉีกลงไปคลุกเคล้าให้เข้ากัน จากนั้นจะเทลงในหม้อต้มไก่หรือตักน้ำซุปไก่พร้อมหัวปลีมาใส่ตรงนี้ก็ได้ค่ะ  




3.สำหรับใครที่ชอบเลือด ให้หั่นเลือดแล้วนำไปต้มก่อนสัก 1-2 นาที จากนั้นถึงนำมาใส่ในหม้อยำไก่ พอเดือดก็ชิมรส หากจืดไปก็เติมเกลือ ใครชอบชูรสก็ใส่ได้ค่ะ ปิดแก๊ส ใส่ต้นหอม ผักชี ผักไฝ่หั่นลงไป เป็นอันเรียบร้อยค่ะ 


วิธีทำที่ 2 สำหรับคนที่ไม่มีพริกลาบ


มะแข่น มะแขว่น หน้าตาแบบนี้ค่ะ

ให้ตั้งหม้อใส่น้ำมันเล็กน้อย พอร้อนใส่กระเทียมที่โขลกกับมะแขว่นจนละเอียด เติมพริกป่นลงไปผัดให้หอม แล้วก็นำไก่ลงไปคลุกเคล้า แล้วก็ทำตามขั้นตอนอื่น ๆ ได้เลยค่ะ วิธีนี้ก็อร่อยเหมือนกัน มีกลิ่นหอมของมะแขว่น แต่อาจจะไม่มีกลิ่นหอมเท่ากับเราใช้พริกลาบ เนื่องจากพริกลาบจะมีส่วนผสมของสมุนไพรหลากหลายมาก ทั้งกานพลู ลูกจันทร์ อบเชย โป๊ยกั๊ก ฯลฯ


ขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม ขอให้สนุกกับการทำอาหารเหนือนะคะ







3 ธันวาคม 2557

Banana Rye Bread : ขนมปังไรย์กล้วยหอม

         ใครชอบกล้วยหอม เชิญมาทางนี้เลยค่ะ วันนี้ต๋อยมีขนมปังกล้วยหอมมาฝาก เป็นเนื้อขนมปังและมีส่วนผสมหลักเป็นกล้วยหอมถึง 3 ลูก ปรับเปลี่ยนจากสูตรเดิมที่เคยลงไว้ สูตรเดิม คลิกที่นี่ นิดหน่อย เพื่อสุขภาพ ผลที่ได้เป็นที่น่าพอใจ ขนมปังนุ่มและหอมมาก ๆ ยิ่งตอนอบ กลิ่นกล้วยหอมตลบอบอวลเต็มบ้านไปหมด เราไปดูสูตรกันเลยดีกว่าค่ะ


ขนมปังกล้วยหอม


วีดีโอในการทำ คลิกที่นี่


ส่วนผสม





แป้งขนมปัง 250 กรัม
แป้งสาลีเอนกประสงค์ 50 กรัม (ไม่มีแป้งสาลีใช้แป้งขนมปังแทนได้ค่ะ)
แป้งไรย์ 50 กรัม (ใครไม่มีใช้โฮลวีทแทนได้ค่ะ)
ยีสต์แห้ง 2 ชช.(10 กรัม)
น้ำตาลทราย 30 กรัม (2 ชต.)
เกลือ 1/2 ชช.
ไข่ไก่ 1/2 ฟอง (เหลือไว้ทาหน้าขนมก่อนอบ)
กล้วยหอมสุกงอม 3 ลูก (ชั่งแล้วได้ 215 กรัม)
เนยจืดนิ่ม 30 กรัม
Flax seed 2 ชช.
งาขาว 1 ชช.
งาดำ 1 ชช.

สำหรับโรยหน้า : Flax seeds ประมาณ 1 ชช.



วิธีทำ





1.ตวงของแห้งทั้ง 3 ชนิด ใส่ในอ่างผสม ใส่ยีสต์กับเกลือคนละมุม น้ำตาลทราย คนให้เข้ากัน

2.จากนั้นใส่ของเหลว ไข่ไก่ เนยนิ่มๆ และกล้วยหอมบด นวดด้วยเครื่องความเร็วปานกลาง พอเข้ากันใส่งาขาว งาดำ และ Flax seeds นวดต่อ จนได้โดว์ที่เนียนและนิ่ม ใช้เวลาในการนวดประมาณ 10 นาที 


3. รวบโดว์ให้เป็นก้อนกลม พักในอ่างที่ทาไขมันไว้จนทั่ว นำก้อนโดว์ลงไปคลุกกับกับมันที่ติดอ่างพอประมาณ จากนั้นปิดด้วยพลาสติก พักให้โดว์ขึ้นเป็น 2 เท่า หรือประมาณ 45 นาที 




4.นำโดว์มาชกไล่ลม แผ่โดว์บนโต๊ะที่โรยแป้งนวลไว้ แผ่ให้มีความกว้างเท่ากับความยาวของพิมพ์ ม้วนเข้าหาตัว ทุกครั้งที่ม้วนให้กดตรงรอยตรงให้แน่น เพื่อไม่ให้ขนมปังเป็นรูด้านใน ปิดรอยต่อหัวท้ายให้สนิท แล้วพักในพิมพ์ที่ทาด้วยไขมัน ปิดพลาสติก ทิ้งไว้อีก 45 นาที




5.เมื่อใกล้หมดเวลาพัก 10 นาทีสุดท้ายให้เปิดเตาอบที่ 180C หรือ 350F ไฟบนล่าง ทาหน้าด้วยไข่ส่วนที่เหลือ โรยด้วย Flax seeds จากนั้นนำไข่ทาทับอีกชั้น เพื่อป้องกันไม่ให้ Flax seeds หลุดออกมาหลังจากอบเสร็จ




6.พักโดว์ได้ที่แล้วให้นำเข้าอบเป็นเวลา 40 นาที หากอบไปได้สักพักแล้วหน้าขนมปังเริ่มเป็นสีน้ำตาล แต่ว่ายังไม่หมดเวลา ให้นำกระดาษฟอยด์มาปิดหน้าไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้หน้าไหม้




7. พอขนมปังสุกแล้ว นำออกจากเตาใช้มีดแซะด้านข้างเพื่อเช็คดูว่าขนมไม่ติดพิมพ์ จากนั้นพักบนตะแกรงจนเย็น แล้วหั่นเป็นแผ่นตามชอบ


ต้องรอให้เย็นก่อนถึงจะหั่นสวย


ขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม ขอให้สนุกกับการทำขนมปังนะคะ



28 พฤศจิกายน 2557

Mango Swirl Cheesecake : ชีสเค้กมะม่วง

          อารมณ์อยากทานชีสเค้ก.....ใครเป็นเหมือนต๋อยบ้างค่ะ คือมันอยากทานมาก แต่พอซุปเปอร์มาร์เก็ต ซื้อของ เข้าบ้าน ทำกับข้าว ทานข้าว ทำความสะอาดครัว ทำความสะอาดบ้าน อาบน้ำให้ลูก พาลูกเข้านอน เล่นเฟซบุ๊ค ง่วง และก็นอน  อ้าวแล้วไหนหล่ะชีสเค้กที่อยากกิน จนเวลาล่วงเลยไปความอยากมันก็ยังมีอยู่ แต่บางครั้งก็ทั้งเหนื่อยและขี้เกียจ โดยเฉพาะการเก็บกวาดห้องครัวหลังจากทำขนมเสร็จ 

          แต่ในที่สุดแล้วก็มีเหตุให้ต้องทำชีสเค้ก.....เมื่ออาทิตย์ก่อนเราได้มะม่วงน้ำดอกไม้มา 2 ลูกใหญ่ ๆ ราคาลูกละตั้ง 80 บาท พอเอามาปอกทาน ครึ่งลูก ปรากฎว่าเปรี้ยวมาก ๆ ไม่มีความอร่อยเอาซะเลย ทั้งโกรธ ทั้งโมโห เก็บใส่ตู้เย็นไว้ดังเดิม ผ่านไปอีก 1 อาทิตย์ เกรงว่ามันจะเน่าไปซะก่อน ต้องรีบจัดการ...จึงออกมาเป็นชีสเค้กมะม่วงน้ำดอกไม้




          ถ้านึกถึงสูตรชีสเค้กอร่อย ๆ ไม่หวาน และรูปภาพประกอบสวย ๆ ต้องนึกถึงคุณอุ้ย เจ้าของบล็อค แม่ครัวจอมมั่วนิ่ม ที่มีสูตรอาหารและขนมมากมาย และต๋อยก็ไปฉกสูตรชีสเค้กมะม่วงจากบล็อคคุณอุ้ย มา สูตรต้นฉบับ คลิกที่นี่ค่ะ


วีดีโอที่ต๋อยทำค่ะ  คลิกที่นี่


ส่วนผสมฐานชีสเค้ก
แครกเกอร์บดละเอียด 1 ถ้วย (ต้นฉบับใช้ครึ่งถ้วย)
น้ำตาลทรายแดง 1 ชต.
เนยละลาย 3 ชต.
เกลือหยิบมือ กรณีแครกเกอร์จืด




วิธีทำ 
1.ในแครกเกอร์ เกลือและน้ำตาลทรายแดง ลงในเครื่องปั่นฟู้ดโปรเซสเซอร์ ปั่นให้ละเอียด จากนั้นค่อย ๆ เทเนยละลายลงไปผสม จนส่วนผสมเป็นเนื้อทรายร่วน ๆ 
2.ทาเนยบาง ๆ ให้ทั่วพิมพ์สปริงฟอร์ม ขนาด 7 นิ้ว แล้วโรยด้วยแป้งเค้กบาง ๆ ให้ทั่ว 
3.นำแครกเกอร์ที่บดไว้ใส่ลงไปในพิมพ์ เกลี่ยให้ทั่ว กดให้แน่น นำเข้าช่องฟรีซหรือตู้เย็นธรรมดา ต๋อยจัดช่องฟรีซเลย หุหุ จะได้เซทตัวไวๆ


ส่วนผสมซอสมะม่วง
มะม่วงสุกบดละเอียด กรองเอากากออก 100 กรัม
น้ำตาลทราย 10 กรัม
น้ำมะนาว 1 ชช.
ผงเจลลี่ 1 ชช.




วิธีทำ
1.ปั่นมะม่วงให้ละเอียดที่สุดเท่าที่จะทำได้ จากนั้นใช้กระชอนกรองเอาแต่เนื้อ 
2.นำเนื้อมะม่วงมาผสมกับน้ำตาลทรายและน้ำมะนาว คนให้เข้ากัน 
3.ใส่ผงเจลลี่คนให้ละลาย ขึ้นตั้งไฟอ่อน พอเดือด ปิดไฟพักไว้






ส่วนผสมชีสเค้ก
ครีมชีส 300 กรัม
ไข่ไก่ 1 ฟอง
น้ำตาลทราย 60 กรัม
โยเกิร์ตธรรมชาติ 2 ชต.
วนิลลาแอ็คแทรค 1/4 ชช.
วิปปิ้งครีม 150 กรัม (ต้นฉบับใช้เฮฟวี่ครีม)
น้ำมันพืช 1 ชต.
แป้งเค้ก 2 ชต.

*ทุกอย่างต้องอยู่ที่อุณหภูมิห้องนะคะ

วิธีทำ

1.เปิดเตาอบที่ 175 C ไฟบนล่าง 




2.ตีครีมชีสด้วยความเร็วปานกลางให้เนื้อเนียน จากนั้นทยายใส่น้ำตาลลงไปตีจนหมด จากนั้นใส่ไข่ โยเกิร์ต วนิลลา วิปปิ้งครีม น้ำมันพืช และแป้ง ตีแค่ให้พอเข้ากันอย่าตีนาน จากน้้นใส่แป้งแล้วตีด้วยความเร็วต่ำให้เข้ากัน

**ต๋อยไปเจอสูตรชีสเค้กของฝรั่งมาคนนึง เค้าใส่ไข่เป็นอันดับสุดท้ายและตีเพียงให้เข้ากัน ถ้าตีนานจะทำให้หน้าชีสเค้กแตกค่ะ




3.คนด้วยไม้พายเพื่อเช็คว่ามีก้อนแป้งหรือชีสที่ยังไม่เข้ากันหรือไม่ ถ้าไม่มีแล้ว เทลงพิมพ์ โดยเทส่วนผสมชีสเค้กลงไปครึ่งนึง จากนั้นหยดซอสมะม่วงลงไปครึ่งนึง ใช้ไม้คนให้เป็นลวดลายสวยงาม แล้วเทส่วนผสมชีสเค้กที่เหลือลงไป หยดซอสมะม่วงส่วนที่เหลือ ใช้ไม้คนทำลวดลายอีกรอบ

4. จากนั้นนำเข้าเตาอบ โดยวางพิมพ์ไว้ตรงกลางของเตาอบ ใช้เวลาในการอบ 50 นาที

5.เมื่อครบตามกำหนดแล้ว ปิดเตา วางเค้กไว้ในเตาอบ เปิดฝาเตาแง้มไว้ 20 นาที แล้วนำออกมาวางไว้บนตะแกรงรอให้เย็น แกะออกจากพิมพ์ เข้าตู้เย็น 1 คืนแล้วตัดเสิร์ฟ

***หากต้องการทำชีสเค้กเพื่องานสังสรรแนะนำให้ทำก่อนวันงาน 1 วัน เพื่อที่เค้กจะได้เซทตัวก่อนตัดเสิร์ฟค่ะ



มีร่องรอยของการชิม 55555


ชิ้นนี้ถูกตัดชิมตั้งแต่ก่อนนำเข้าตู้เย็น 


ขอบคุณเพื่อน ๆ ที่ติดตาม ขอให้สนุกกับการทำเค้กนะคะ








วิธีทำปลาทูเค็ม(แบบไม่มีกลิ่นเหม็น)

          หนึ่งในเมนูที่ได้ หลังจากอาทิตย์ก่อนไปตะเวนซื้อของในตลาดสด "บดูมาร์เก็ต" ประเทศมาเลเซีย  มาคือ "ปลาทูเค็มทอดเครื่องต้มยำ" วันนี้จะมาบอกวิธีการทำปลาทูเค็มแบบง่าย ๆ นี่ถ้าไม่อยู่ต่างแดนก็คงทำไม่เป็น เพราะอยู่ไทยอาหารการกินอุดมสมบูรณ์ อยากกินอะไรก็มีให้เลือกซื้อเยอะแยะไปหมด แต่พอมาอยู่ต่างประเทศแบบนี้ อยากกินก็ต้องทำเองนะคะ 



ก่อนจะไปทำกับข้าวกัน เอาภาพตลาดสดมาฝากจ้า






มีปลาหลากหลายชนิดมาก ๆ ค่ะ ปลาดุกตัวละ 10 บาทเอง ถูกมาก ขายกันเป็นกิโล ซื้อมาย่างเกลือ กินกันข้าวเหนียวร้อน ๆ ก็ฟินสุดๆแล้วแหล่ะ






นี่ก็ไก่ฟาร์ม เยอะไปหมด ถูก ๆ ทั้งนั้นค่ะ ตัวละร้อยกว่าบาท




รับกุ้งสักโลมั้ยค่ะ เต็มศูนย์เป็นราคาไทยได้เลยค่ะ




       





           หลาย ๆ คนอาจจะยังไม่รู้ว่าวิธีการทำปลาทูเค็มนั้นเค้าทำกันยังไง บอกได้เลยว่า ง่ายมัก ๆ แต่ก่อนต๋อยก็ไม่รู้หรอกค่ะว่าทำยังไง ตั้งแต่เป็นสมาชิกเพจห้องครัวต่างแดนเนียะ ทำได้หลายอย่างเลย พอไปตลาดสดก็ไม่ลืมที่จะซื้อปลาทูติดไม้ติดมือมาด้วยแทบทุกครั้ง ถ้าไม่ทำปลาทู ก็ทำปลาทูเค็ม เดี๋ยววันหลังลงวิธีทำปลาทูนึ่งให้ดูบ้างละกันไปดูวิธีการทำกันเลยค่ะ

1. เริ่มจากการนำปลาทู มาล้างควักไส้ออกให้หมดทางเหงือก ระวังอย่าให้พุงทะลุ เดี๋ยวไม่สวย แต่ขาดก็ไม่เป็นไรค่ะ ทำทานเองไม่ได้ทำขาย 

2.ล้างให้สะอาด ซับด้วยกระดาษให้แห้ง นำกล่องพลาสติกที่สามารถบรรจุปลาได้ทั้งหมด โรยเกลือเม็ดบดหยาบให้ทั่วกล่อง วางปลาลงไปทีละชั้น โรยเกลือ ถ้าทำเยอะก็ใส่ปลาและเกลือสลับกันไปจนหมดนะคะ ใส่เกลือเยอะ ๆ นะคะไม่ต้องกลัวเค็ม ถ้าเกลือน้อยปลาจะเน่า เหม็นไม่รู้ด้วยนะจ๊ะ

3.จากนั้นปิดฝาให้สนิท ห่อด้วยพลาสติกแร้ป นำเข้าตู้เย็น เลือกความเค็มในระดับที่คุณต้องการคือ 1 วัน 1 คืน เค็มน้อย , 2 วัน 1 คืน เค็มกำลังดี ,และ 2 วัน 2 คืน เค็มมากหน่อย 

4.เมื่อหมักปลาตามเวลาที่ต้องการแล้วก็ให้นำมาล้างเกลือ ซับให้แห้ง เก็บใส่กล่อง ห่อด้วยพลาสติกนำเข้าตู้เย็น สามารถเก็บไว้ได้นาน โดยที่กลิ่นไม่เหม็นกวนใจพ่อบ้านค่ะ หรือใครจะทำกับข้าวเลยก็ย่อมได้ 

วันนี้มานำเสนอปลาทูเค็มทอดเครื่องต้มยำ 

เตรียมวัตถุดิบ พริกแห้งหั่น หอมแดงซอย กระเทียมสับ ตะไคร้หั่นเป็นท่อน ใบมะกรูด และข่าแว่น 

วิธีทำ ตั้งกระทะใส่น้ำมันเล็กน้อย จากนั้นนำปลาทูเค็มลงไปทอดให้สุกทั้ง 2 ด้าน แล้วใส่เครื่องต้มยำที่หั่นไว้ลงไปผัดจนหอม ตักใส่จาน โรยด้วยน้ำมะนาว เสิร์ฟกับข้าวเหนียวหรือข้าวสวยร้อน ๆ ค่ะ















ขอบคุณเพื่อน ๆ ที่ติดตาม ขอให้สนุกกับการทำกับข้าวนะคะ

27 พฤศจิกายน 2557

แกงโฮ๊ะ คั่วโฮ๊ะ อาหารเหนือ

          วันนี้มีอาหารเหนือที่นาน ๆ ทำที มาฝากเพื่อน ๆ เหตุที่นึกอยากกินเพราะได้คุยกับพี่ติ๊ก คนเชียงใหม่ ในห้องครัวต่างแดนว่า ต๋อยมีหน่อไม้อยู่ แต่ยังไม่ได้นำออกมาทำอะไรกินเลย และต้องรีบจัดการให้หมด ก่อนที่สามีจะกลับบ้าน เนื่องจากกลิ่นหน่อไม้ดองนั้นค่อนข้างแรง หากสามีอยู่คงเรื่องใหญ่แน่ ๆ 





          และพี่ติ๊กก็พูดขึ้นว่าถ้าพี่มีหน่อไม้พี่มักจะทำแกงโฮ๊ะ จึงเกิดอยากกินขึ้นมาทันทีทันใด วันนี้ก่อนไปรับอลิสที่โรงเรียน แม่ขอแวะซุปเปอร์มาเก็ตแป้บๆ ได้ถั่วฝักยาว พริกหวาน ฟักทอง กะหล่ำปลี จัดเต็มเลย อย่างอื่นก็มีครบหมดแล้ว ไปลุยกันดีกว่าค่ะ

       
          สำหรับชื่อแกงโฮ๊ะ หรือคั่วโฮ๊ะ นั้นเป็นที่ทราบกันดีว่า คำว่าโฮ๊ะ ในภาษาเหนือหมายถึง ผสมปนเป, ของหลาย ๆ สิ่ง หลายๆอย่างปนอยู่ในที่เดียวกัน แกงโฮ๊ะจึงหมายถึงแกงที่รวมหลาย ๆ สิ่งไว้ในชามเดียวกัน เกิดจากอาหารเหลือในแต่ละมื้อ นำมาผสมกัน แล้วนำไปผัด ปรุงรสใหม่ กลายเป็นแกงโฮ๊ะหรือคั่วโฮ๊ะ (คั่วแปลว่าผัดจ้า)


ที่เรียกว่าแกงโฮ๊ะก็เพราะใส่สารพัดผัดนี่แหล่ะค่ะ

ส่วนผสม

ขาไก่ 2 ขาใหญ่ หั่นเป็นชิ้น ใช้หมู3ชั้นหรือเนื้อหมูแทนได้ค่ะ
หน่อไม้ดอง 1 ถุง ล้างน้ำบีบน้ำออกให้หมด ถ้าเปรี้ยวมากล้างหลาย ๆ น้ำหน่อยนะคะ
วุ้นเส้นถุงเล็กแช่น้ำ 2 ถุง
ใบมะกรูดฉีกตามชอบ 6-7 ใบใส่เยอะ ๆ หอมดีค่ะ
กะเพราะ 1 ถ้วยสำหรับกะเพราะสด 
     *ต๋อยใช้กะเพราะที่ผัดกับกระเทียมแล้วแช่แข็งในที่อัดน้ำแข็ง ใช้ 3 ก้อนค่ะ
ข่าหั่น 5-6 แว่น
ตะไคร้หั่น 3-4 ท่อน
น้ำมันพืช 2-3 ชต.
ผัดสดตามชอบ : กระหล่ำปลี ฟักทอง มะเขือเปาะ มะเขือพวง ถั่วฝักยาว ถั่วพลู แครอท พริกหวาน



ปรุงรส : ซีอิ้วขาว น้ำปลา และผงปรุงรสฟ้าไทย 




เครื่องแกง

พริกแห้งเม็ดใหญ่แช่น้ำ 5-6 เม็ด
พริกแห้งเม็ดเล็กแช่น้ำ 5-6 เม็ด(ตามชอบได้จ้า)
กระเทียม 5 กลีบ(กระเทียมกลีบใหญ่)
หอมแดง 3 หัว
ตะไคร้ซอย 1-2 ต้น
ขมิ้น 1 ชช.
กะปิ 1 ชช.
เกลือ1 ชช.




    ** ใครใครโขลกโขลก.....ใครใคร่ปั่นปั่น นะคะ ไม่ว่ากัน งานนี้ต๋อยขี้เกียจบรรจงแล้ว ปั่นง่ายสุดค่ะ หากหนืดเกินปั่นยากก็เติมน้ำลงไปนิดหน่อยค่ะ



วิธีทำ




1.ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันลงไป ผัดเครื่องแกงให้หอม ไฟกลาง-อ่อน หากปั่นแล้วเติมน้ำ พริกแกงจะกระเด็นกระดอนระวังด้วยนะคะ จากนั้นใส่ไก่ลงไปผัดจนสุก ปิดฝาไว้ได้ชั่วคราวเพราะพริกมันจะกระเด็น หมั่นคน





มีเพิ่มแครอทไปอีกเล็กน้อยเพื่อความสวยงามและสุขภาพ


2.พอไก่สุกก็ใส่หน่อไม้ลงไปผัด จากนั้นเติมน้ำเล็กน้อย พอเดือดใส่มะเขือ ฟักทอง ผัดไปสักพักก็ใส่ผักที่เหลือลงไป ผัดพอให้ผักสุก




3.ใส่ตะไคร้และข่าหั่น ปรุงรสด้วยน้ำปลา ซีอิ้วขาว ผงปรุงรส ตามชอบนะคะตรงนี้ไม่ว่ากัน ใครอยากใส่ชูรสตามสบายเลย ชิมรสเผ็ด เค็ม อร่อย  จากนั้นใส่วุ้นเส้น กะเพรา และใบมะกรูด  คนให้เข้ากันตักเสิร์ฟได้เลยจ้า


ครั้งแรกที่เจอไข่แฝด เสียดายไข่แดงอีกฟองแตก ทานกับไข่ดาวอร่อยเหาะค่ะ


ขอคุณทุกคนที่ติดตามค่ะ ขอให้มีความสุขในการทำกับข้าวนะคะ







Cooking with Dozo_Toy

ยินดีต้อนรับเข้าสู่โลกของคนชอบทำอาหารกับ Cooking with Dozo_Toy ใครที่ชอบทำอาหาร เรามารวมตัวกันทางนี้จ้า..... เราเป็นอีกคนห...