27 มีนาคม 2556

Prosciutto and Parmesan Rye Bread

Prosciutto and Parmesan Rye Bread - ขนมปังไรย์แฮมพาเมซานชีส


        สวัสดีค่ะเพื่อน ๆ ชาวบล็อค... วันนี้ต๋อยมีขนมปังหอม ๆ กรอบนอกนุ่มใน มาฝากค่ะ รับรองว่าตอนอบกลิ่นขนมปังจะคลุ้งไปทั่วบ้านเลยทีเดียว ส่วนรสชาติไม่ต้องพูดถึงเพราะว่าอร่อยจริง ๆ ค่ะ  

      ต๋อยได้สูตรจากหนังสือที่แถมมาจากตอนซื้อเครื่องผสมอาหารเคนวูด (Kenwood) ชื่อหนังสือ Making Great Food Simple by Jennie Shapter (Recipes for the Kenwood Chef & Major) ในนี้มีสูตรมากมายหลายหลากทั้งคาวและหวาน รวมถึงเครื่องดื่มด้วยค่ะ ไว้วันหลังมีโอกาสจะทยอยลงให้ดูนะคะ........ไม่พูดพร่ำทำเพลงแล้วเนาะ มาดูสูตรกันเลยดีกว่าค่ะ  

     (ออกตัวก่อนนะคะว่าไม่ได้เก่งภาษาอังกฤษหรือทำขนมก็ยังไม่เก่ง แค่อยากมาแชร์ประสบการณ์และสูตรดีๆ เท่านั้นเองค่ะ)






 ส่วนผสม (สำหรับ 2 โลฟ)


450 กรัม  แป้งขนมปัง (เราใช้ 350 กรัม เพราะแป้งหมดค่ะ เลยเพิ่มแป้งไรย์อีก 100 กรัม)
50 กรัม (2 ออนซ์)    พาเมซานชีส
1 1/2 ชช.      เกลือ
1/2 ชช.      พริกไทยดำป่น
7 กรัม (1 1/2 ชช.)      ยีสแห้ง (ตามสูตรใช้ active dry yeast แต่เราใช้ instant yeast)
1 ชต.      น้ำมันมะกอก
1  ฟอง     ไข่ไก่
250 มิลลิลิตร (8 ออนซ์)      น้ำอุ่น (เราใช้อุณหภูมิประมาณ 37 C)
50 กรัม (2 ออนซ์)      แฮม Prosciutto
cornmeal      สำหรับโรยหน้า 



วิธีทำ


1. นำแป้ง พาเมซานชีส เกลือ พริกไทยและยีสต์ ใส่ลงไปในอ่างผสม คนให้พอเข้ากัน จากนั้นใส่ไข่ น้ำมันมะกอกและน้ำอุ่น คนให้เข้ากันเล็กน้อย (ขั้นตอนนี้ต๋อยมีการเช็คคุณภาพยีสก่อน โดยการใส่ยีสต์ลงในแก้ว เติมน้ำอุ่นเล็กน้อย และใส่น้ำตาลทรายลงไปเล็กน้อย ทิ้งไว้ 10 นาที พอยีสต์ฟูได้ที่แล้วถึงนำไปผสมกับส่วนผสมแป้งค่ะ)






2.ให้หัวตีตะขอนวดด้วยความเร็วต่ำสุด 1 นาที จากนั้นเปลี่ยนเป็นความเร็วที่ระดับ 1 นาน 4 นาที จนกระทั่งส่วนผสมเข้ากันดีและไม่ติดของอ่าง เสร็จแล้วทาไขมันที่อ่างผสมใบเดิม (ใครจะเปลี่ยนใบใหม่ก็ได้นะคะแต่ต๋อยขี้เกียจล้างหลายรอบค่ะ) แล้วนำส่วนผสมแป้งที่ได้ใส่ลงไป ใช้ผ้าชุบน้ำพอหมาด ๆ หรือพลาสติกแรบ ปิดอ่างผสมและพักทิ้งไว้ที่อุณหภูมิห้องประมาณ 1 ชม.หรือจนกระทั่งแป้งขึ้นมาเป็น 2 เท่า

 

ทาน้ำมันที่อ่างแล้วก็ใส่กลับลงไปพักไว้ 1 ชม.หรือจนกว่าจะขึ้นเป็น 2 เท่า




แบ่งได้ก้อนละ 406 กรัมค่ะ




แพ็คนี้หนัก 90 กรัมค่ะ





3.เมื่อพักแป้งได้ที่แล้ว ชกไล่ลมประมาณ 1 นาที โรยแป้งนวลที่โต๊ะ/เขียง จากนั้นตัดแป้งออกเป็น 2 ส่วนค่ะ (ได้ก้อนละ 406 กรัม) จัดการรีดแป้งให้เป็นรูปลงกลม ตามรูป จากนั้นนำแฮมวางให้ทั่วแป้ง (แฮม 1 แพ็คที่ต๋อยซื้อมา มีด้วยกัน 8 ชิ้นค่ะ แบ่งได้พอดีโลฟละ 4 ชิ้น) จำนวน 3 ชิ้น 





4. พับครึ่งให้เป็นรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว จากนั้นนำแฮมวางด้านบนอีก 1 ชิ้น แล้วม้วนเก็บขอบแป้งให้เรียบร้อย อย่าลืมด้านข้างด้วยนะคะ เก็บให้มิดเลยค่ะ เสร็จแล้ววางลงบนกระดาษรองอบค่ะ ที่โรยด้วย cornmeal และทำอีกโลฟด้วยวิธีเดียวกันค่ะ เวลาวางบนกระดาษรองอบจัดให้ระยะห่างกันหน่อยนะคะ เพราะเวลาแป้งขึ้นและตอนอบ ขนมปังจะขยายตัวขึ้นไปอีกค่ะ จากนั้นคลุมด้วยพลาสติก ทิ้งไว้ที่อุณหภูมิห้องอีก 30 นาทีค่ะ หรือจนกระทั่งแป้งขยายตัวขึ้นใกล้ ๆ 2 เท่า




 

5.ขณะที่พักแป้ง วอมเตาอบที่อุณหภูมิ 200C/400F/แก็ส6 เมื่อแป้งได้ที่แล้วทาด้วยน้ำ หรือจะใช้วิธีฉีดน้ำให้ทั่วเหมือนที่ต๋อยทำก็ได้ค่ะ ทั่วถึงดี จากนั้นโดรยด้วย cornmeal (ขอสารภาพว่าไม่มีค่ะ เลยใช้แป้งไรย์ที่มีอยู่เป็นทั้งแป้งนวลและโรยหน้า )  กรีดหน้าด้วยมีดคม ๆ ประมาณ 5-6 ครั้ง นำเข้าเตาอบนาน 20 นาที หรือจนกระทั่งขนมปังเป็นสีทองสวย หรือเมื่อเคาะที่ก้นขนมปังจะได้ยินเสียงเหมือนข้างในเป็นโพรง จากนั้นวางทิ้งไว้ให้เย็นบนตะแกรง แล้วหั่นเป็นชิ้นเสริฟได้เลยค่ะ....แต่ขอบอกว่าเราหั่นตอนที่มันร้อน ๆ นี่แหล่ะ ค่ะ เพราะว่าพ่อบ้านหิวมากแล้ว และไม่มีใครอยากรอให้มันเย็นเดี๋ยวไม่อร่อยค่ะ


ปล.ในสูตรไม่ได้บอกไว้ว่าให้อบไฟบนล่าง ต๋อยอบไฟล่าง 15 นาที จากนั้นเปลี่ยนเป็นไฟ บนล่าง 5 นาทีสุดท้ายค่ะ 




 

เฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อ เพราะกลิ่นหอมมากมายค่ะ



 

วางบนตะแกรงยังไม่ทันเย็นก็โดนสังหารทันที กรีดเยอะไปหน่อยแผลใหญ่เลย




หน้าตาตอนที่หั่นแล้วเป็นแบบนี้ค่ะ เปลือกด้านนอกกรอบมากเลยค่ะ


ขอให้ทุกคนสนุกกับการทำอาหารค่ะ 

 

I got this book when I bought the mixer Kenwood  "Making Great Food Simple by Jennie Shapter (Recipes for the Kenwood Chef & Major)" 


Ingredients

450g (1lb) strong plain white flour
50g (2oz) freshly grated Parmesan cheese
7.5ml (1 1/2 tsp) salt
2.5ml (1/2 tsp) freshly ground black pepper
7g sachet (1 1/2 tsp) fast action dried yeast
15ml (1 tbsp) olive oil
1 egg, lightly beaten
250ml (8fl oz) lukewarm water
50g (2oz) prosciutto, torn into small pieces
cornmeal, for dusting






Method


1. Place the flour, Parmesan cheese, salt, pepper and yeast in the Kenwood Bowl. Using the Dough Hook on minimum speed, gradually mix in the olive oil, egg and lukewarm water to form a soft dough. 

2. Set the timer for 1 minute and knead on minimum speed, then set the timer for 4 minutes and knead on speed 1 until smooth and elastic. Remove the Bowl, cover with lightly oiled clear film and leave to rise in a warm place for about 1 hour, or until doubled in size. 

3. Using the Dough Hook on minimum speed for 30-60 seconds gently knead the dough to knock back. Transfer to a lightly floured surface and divide in two. Flatten each half into a round and sprinkle over half the prosciutto ham

4. Fold each piece of dough in half, flatten slightly and sprinkle with the remaining ham. Roll up, tuck in the sides, and roll into stubby long loaves. Transfer to a baking sheet dusted with cornmeal, leaving a space between the loaves. Cover with lightly oiled clear film and leave to rise for about 30 minutes, or until nearly doubled in size. 

5. Meanwhile preheat the oven to 200°C/400°F/Gas 6. Brush the top with water and dust with cornmeal. Slash the top of the loaves diagonally 5 or 6 times. Bake for 20 minutes, or until the bread is golden and sounds hollow when tapped on the base. Cool on a wire rack.

enjoy your cooking



13 มีนาคม 2556

Whipping Cream bread ขนมปังวิปปิ้งครีม

Whipping Cream bread : ขนมปังวิปปิ้งครีมไส้พริกเผาหมูหยอง  นุ้มนุ่มมมมมมมาแล้วจ้า (สูตรกำจัดวิปปิ้งครีม)


   วันก่อนซื้อวิปปิ้งครีมเพื่อมาทำ Triple Chocolate mousse cake กล่องใหญ่ 1 ลิตร และก็ใช้ไม่หมด นำไปทำสโคนก็แล้ว ก็ยังไม่หมด เลยปรึกษาอากู๋ถึงวิธีกำจัดวิปปิ้งครีม เลยไปเจอสูตรขนมปังวิปปิ้งครีมจากบล็อคคุณปุ๊ก ตามไปดูสูตรต้นฉบับได้ ที่นี่ เลยค่ะ ต้องขอขอบคุณคุณปุ๊ก มา ณ โอกาสนี้ด้วยค่ะที่แบ่งปันสูตรดีๆ


  จากสูตรต๋อยมีการปรับเปลี่ยนตามวัตถุดิบที่มี และเพื่อให้ขนมปังนุ้มมากยิ่งขึ้น บอกได้คำเดียวเลยว่าขนมปังนุ่มมากจริง ๆ ยิ่งทานตอนร้อน ๆ ยิ่งอร่อยมาก หมดภายในไม่กี่นาทีหลังจากออกจากเตาเลยหล่ะ (เอะ!!!!หรือเป็นเพราะว่าเราทำน้อย 5555) อยากแนะนะให้เพื่อน ๆ ไปลองทำกันดู นอกจากแป้งจะนวดง่าย โดว์นิ่มสุด ๆ ไม่ติดมือเลย ยังได้ขนมปังนุ่มอร่อย รับรองถูกใจค่ะ




ส่วนผสม 

แป้งขนมปัง    100 กรัม

แป้งเค้ก           50 กรัม

ยีสต์แห้ง          1.5 กรัม

เกลือ               3.5 กรัม

น้ำตาล             20 กรัม

วิปปิ้งครีม         130 กรัม

น้ำเปล่า              11 กรัม





ปล.เป็นสูตรเล็ก เนื่องจากมีวิปปิ้งครีมแค่ 130 กรัม ก็เลยปรับเปลี่ยนสูตรโดยไปลดปริมาณน้ำเพื่อไม่ให้แป้งเหลวจนเกินไปค่ะ สำหรับสูตรนี้ได้ขนมปัง 6 ก้อน ก้อนละ 51 กรัมค่ะ



 วิธีทำ


1.นำแป้งทั้ง 2 ชนิดใส่อ่างผสมคนให้เข้ากัน จากนั้นใส่น้ำตาล ยีสต์ เกลือคนให้พอเข้ากันแล้วทำเป็นบ่อตรงกลาง จากนั้นนำวิปปิ้งครีมและน้ำคนให้เข้ากันเทใส่กตรงกลางบ่อ ให้ช้อนคนให้เข้ากัน 









หากใครต้องการนวดมือก็สามารถทำได้เลยค่ะ โดยใช้เวลาในการนวดประมาณ 10 นาที แต่ต๋อยไม่มีเวลาแล้ว เพราะตอนที่เตรียมแป้งก็ปาเข้าไป 5 ทุ่มครึ่งแล้วค่ะ เลยต้องใช้เครื่องนวด ใช้เวลานวดประมาณ 5-6 นาทีก็จะได้แป้งเนื้อเนียนแบบนี้ค่ะ

2.เตรียมอ่างทาเนยให้ทั่ว จากนั้นนำแป้งที่นวดเสร็จแล้วพักไว้ให้ขึ้นเป็น 2 เท่า หรือประมาณ 1 ชม.



3.เมื่อแป้งขึ้นได้ที่แล้วให้นำมานวดประมาณ 2-3 ทีจากนั้นนำกลับใส่อ่างใบเดิมปิดฝาหรือพลาสติกนำเข้าตู้เย็น 1 คืนค่ะ 


 4.ก่อนจะขึ้นรูปให้นำออกมาจากตู้เย็นทิ้งไว้ประมาณ 2 ชม.เพื่อให้แป้งคลายความเย็นก่อนนะคะ จากนั้นตัดแบ่งแป้งออกเป็น 6 ก้อนเท่า ๆ กันจะได้ก้อนละประมาณ 51 กรัมค่ะ

5.ช่วงที่เรารอแป้งคลายความเย็นก็มาทำไส้กันก่อนนะคะ ขอสารภาพว่าไม่ได้ชั่งหรือตวงอะไรเลยค่ะ ไส้นี้เกิดจากหมูหยองที่เหลืออยู่ประมาณ 1 กำมือ มายองเนสประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ, พริกเผา 1 ช้อนโต๊ะ เนยประมาณ 20 กรัม โดยนำเนยไปละลายในไมโครเวฟแล้วใส่มายองเนสและพริกเผาลงไปคนให้เข้ากันจากนั้นใส่หมูหยองคนให้เข้ากันอีกทีค่ะ

6.เรามาขึ้นรูปกันเลยค่ะ วันนี้ทำหลายแบบ เพื่อจะลองดูว่าใส่ไส้และขึ้นรูปแบบไหนอร่อยกว่ากัน เริ่มจากแบบก้อนกลม แผ่แป้งเป็นวงกลมใส่ไส้ตรงกลางแล้วจับจีบเล็กน้อย แต่ออกมาแล้วไม่เห็นจีบ (แนะนำให้คว่ำตรงรอยต่อลงจะดีกว่าค่ะ) สำหรับลูกสาวค่ะ ไส้หมูหยองมายองเนส







แบบดอกไม้ แผ่แป้งเป็นวงกลมใส้ไส้ตรงกลาง ห่อแป้งแล้วกดให้แบนเล็กน้อย จากนั้นตัดเป็นแฉกๆแล้วบิดด้านที่มีหมูขึ้นมา (ไม่รู้ว่าการขึ้นรูปแต่ละแบบมีชื่อเรียกอะไรยังไง ขอเรียกตามที่เข้าใจละกันนะคะ อิอิ) แบบนี้ไม่ได้ชิมคะ เป็นของสามี เพราะเราแบ่งกัน พ่อแม่ลูกคนละ 2 ลูก อิอิ







แบบม้วน แผ่แป้งเป็นแนวยาวบาง ๆ จากนั้นใส่ไส้ให้ทั่วแผ่นแล้วม้วนจนสุดค่ะ (แบบนี้จะอร่อยสุดเพราะว่าไส้ทั่วถึงมาก ค่ะ) แอบใส่ต้นหอมผักชีลงไปในไส้ด้วย ขอบอกว่าหอมมากมาย






แบบก้อนวงรี ใส่ไส้ตรงกลางแล้วพับหัวท้ายให้เป็นมุมแหลมแล้วม้วนเข้าหากัน จากนั้นก็กลีดหน้าเล็กน้อยค่ะ แบบนี้ก็อร่อยไม่แพ้กันค่ะ




7.หลังจากที่ขึ่นรูปแล้วพักแป้งประมาณ 30-40 นาทีค่ะ จากนั้นก่อนได้เวลาเปิดเตาอบรอที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ทาหน้าขนมด้วยนมสด นมข้นจืด หรือไข่แดงผสมน้ำเล็กน้อยก็ได้ค่ะ ตามสะดวก วันนี้ต๋อยทาด้วยนมข้นจืดค่ะ ใช้เวลาอบประมาณ 10-12 นาที หรือจนกว่าหน้าจะเข้มสวยค่ะ


รูปไม่ค่อยชัดเท่าไร ใช้มือถือถ่ายทั้งหมดเลยค่ะวันนี้


สูตรเล็กหมดภายในพริบตาค่ะ


11 มีนาคม 2556

แกงไก่ศรีลังกา(ในหม้อหุงข้าว) :Curry Chicken Sri Lunka's style

เมื่อสิ้นปี 55 มีโอกาสได้ไปเที่ยวศรีลังกากับครอบครัว 10 วัน สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยถ้าไป(สามีบอก)ว่าต้องไปทานแกงไก่บ้านเค้าให้ได้ ไปร้านอาหารร้านไหนก็ต้องสั่งแต่ Curry Chicken ก็จะมีทั้งแบบใส่กะทิและแบบไม่ใส่กะทิด้วย บางร้านก็มีรสชาติเปรี้ยวเด่นขึ้นมาตัดความเลี่ยนของกะทิ บางร้านก็เผ็ดได้ใจมาก รสชาติแต่ละร้านแทบไม่เหมือนกันเลยค่ะ บางร้านมีเครื่องเคียงมาให้ 3-4 อย่าง เช่น ผัดผักบุ้ง ถั่วฝักยาว และมีผักบางอย่างที่ไม่รู้จริง ๆ ว่าคืออะไร รสชาติเหมือนหญ้าไม่มีผิด แต่ชิมแล้วก็อร่อยดีค่ะ เอะ!!!! หรือว่าลิ้นเรากลายเป็นลิ้นจรเข้ไปแล้วนิ หุหุ.....


แรก ๆ คิดว่าไม่ชอบอาหารศรีลังกาแน่ ๆ มันคงเหมือนอาหารอินเดีย แต่ไป ๆ มา ๆ ถึงแม้จะคล้าย ๆ กันแต่พอได้ทานจริง ๆ มันก็อร่อยแฮะ (ไม่กินก็อดสิ เพราะไม่มีอะไรกินแล้วนิ 555) ข้อเสียอยู่อย่างที่เจอคือรออาหารนานมากกกกกกกกกกกกกกกก โดยเฉพาะไอ้ Curry เนียะ ต้องสั่งล่วงหน้า 2 ชม.เลยนะคะ ไม่เช่นนั้นไม่ได้แอ้มหรอกค่ะ ถ้าคุณคิดว่าหิวแล้วออกไปหาไรทาน รับรองเป็นลมก่อนแน่ ๆ ต้องออกไปสั่งอาหารตั้งแต่ยังไม่หิวเลยค่ะ ยิ่งร้านไหนคนเยอะ รอไปเถอะ 1.30 ชม.เป็นอย่างต่ำ เคยมีฝรั่งมากระซิบบอกด้วยนะคะว่าร้านนั้นร้านนี้รอนาน เพราะเค้าเคยรอถึง 3 ชม.เพราะ Curry Chicken นี่แหล่ะคะ


รอกันนานนักใช่มั้ย.....ซื้อเครื่องปรุงมาทำเองเลยดีกว่า แฮะๆ ก่อนกลับเลยแวะซุปเปอร์มาเก็ตซื้อเครื่องเทศมาลองอยู่หลายห่อเลยค่ะ พอกลับมาถึงบ้านได้วันเดียวก็ไปซื้อของ อีกวันก็ทำเลย ผลที่ได้ออกมาเป็นที่น่าพอใจมากกก อร่อยมากมาย จนทำแล้วทำอีกหลายรอบ แต่ทุกครั้งที่ทำก็ไม่ค่อยได้ถ่ายรูปไว้เท่าไร มีคราวนี้พอจะมีรูปให้ดูบ้าง วิธีต๋อยทำง่ายมาก ๆ ค่ะ ใครสนใจตามไปดูกันเลย

ปล.ก่อนจะทำก็ได้ปรึกษาอากู๋อีกเช่นเคย จนไปเจอสูตรแกงไก่ศรัลังกาจากเวบครัวไกลบ้าน เขียนโดยคุณณัชชาค่ะ  แกงไก่ ศรีลังกา   ต้องขอขอบคุณ คุณณัชชา มา ณ ที่นี่ด้วยนะคะ


เครื่องปรุง

ขาไก่ทั้งขา 3-4 ขา สับเป็นชิ้นใหญ่ ๆ 500 กรัม
ผง Curry หรือเครื่องเทศ 1 ชต.
พริกขี้หนูทุบพอแตก 5 เม็ด
หอมแดง 3 หัว
ขิงแก่ทุบพอแตก 1 แง่ง
ใบเตย 2 ใบ
Curry leave 1 ก้าน (ในรูปไม่ได้ใส่ค่ะ ไม่ได้ซื้อ อิอิ)
พริกไทยขาวเม็ด 15 เม็ด
กระเทียมกลีบใหญ่ 3 กลีบ
พริกป่น 1 ชต. (เพิ่ม-ลดได้ตามชอบค่ะ)
เกลือป่น 1 ชต.
มะเขือเทศลูกใหญ่ 1 ลูก
กะทิกล่อง 1/2 ถ้วย (สูตรนี้ใครจะใส่หรือไม่ใส่ก็ได้ค่ะ ต๋อยไม่ชอบอาหารกะทิเลยไม่ใส่คะ)


วิธีทำ

1.หั่นไก่ให้เป็นชิ้นใหญ่ ๆ ใส่ในอ่างจากนั้นนำส่วนผสมทั้งหมดใส่ลงไปคลุกกเคล้าให้เข้ากันค่ะ ยกเว้นมะเขือเทศและกะทิค่ะ ใช้มือเลยนะคะบีบ ๆ คั้น ๆ นวด ๆ สักพักเพื่อให้เครื่องปรุงซึมเข้าไปในเนื้อไก่ค่ะ จากนั้นปิดด้วยพลาสติกนำเข้าตู้เย็นอย่างน้อย 30 นาที

ใส่ทุกอย่างรวมกันในอ่าง




ปิดด้วยพลาสติกแรบเข้าตู้เย็นอย่างน้อย 30 นาที

 2.ตั้งหม้อใส่นำมันเล็กน้อย จากนั้นนำส่วนผสมไก่ลงไปผัดประมาณ 2 นาที เติมน้ำลงไปเล็กน้อย พอเดือดเทใส่ลงในหม้อหุงข้าวค่ะ หากใครที่ชอบแบบใส่กะทิ ก็ให้ใช้กะทิแทนน้ำเปล่าไปเลยนะคะ



เติมน้ำพอขลุกขลิกอย่าเยอะมากเพราะตุ๋นในหม้อหุงข้าวจะไม่เสียน้ำมากค่ะ



3.เมื่อเททุกอย่างลงในหม้อหุงข้าวแล้ว หั่นมะเขือเทศใส่ลงไปด้วย การที่ต๋อยเลือกทำอาหารในหม้อหุงข้าวนั้นหนึ่งเพราะว่าเป็นการรักษาน้ำที่อยู่ในอาหารไม่ให้ระเหยไปค่ะ สองทำให้อาหารสุกอย่างทั่วถึง เนื้อไก่จะนุ่มมาก ๆ และสามสะดวก ไม่เสียเวลามาคน มาดูว่าไฟแรงไปมั้ย น้ำแห้งหรือยัง เราแค่กะปริมาณน้ำให้พอดีกับไก่ พอสุกน้ำจะแห้งไปแต่นิดเดียวเองค่ะ และน้ำซุปที่ได้จะเข้มข้นมาก


การทำอาหารในหม้อหุงข้าวไม่จำเป็นต้องใส่น้ำมาก เพราะนำจะไม่แห้งคะ
เลือกเมนู Slow cook ตั้งเวลา 1 ชม.ก็พอค่ะ ถ้าไก่สุกแล้วก็ถอดปลั๊กได้เลยค่ะ





4.ตั้งแต่เวลาการทำอาหารประมาณ 45นาที ถึง 1 ชม.ค่ะ (ในภาพตั้งไว้ 1.30 ชม. ปรากฎว่าเนื้อไก่สุกจนหลุดออกจากกระดูกเลยค่ะ อีกอย่างเป็นเพราะคนบ่อยด้วย เพราะเดี๋ยวก็เดินมาชิมๆ เนื่องจากกลิ่นจะหอมคลุ้งไปทั่วบ้านจนอดใจไม่ไหวเลยหล่ะคะ ไม่เชื่อต้องลองดู 555)


5. พอสุกก็ตักเสริฟได้เลยค่ะ


 


พอได้เวลาทานก็เย็นแล้ว ภาพที่ออกมาเลยไม่ค่อยสวยเท่าไรค่ะ แต่รสชาติอร่อยจริง ๆนะคะ อิอิ





ปล.ภาพสุดท้ายเป็นการทำอาหารศรีลังกาครั้งแรก บนซ้ายไม่ใส่กะทิ บนขวาใส่กะทิ ล่างซ้ายเป็นผัดปลาหมึกกับพริกแกงศรีลังกาและล่างขวาเป็นแกงดาลล์หรือแกงถั่วศรัลังกาค่ะ









Strawberry Swirl and Bluberry Cheesecake

สวัสดีค่ะเพื่อน ๆ ชาวบล็อกทุกคน อันที่จริงได้ทำชีสเค้กก้อนนี้ไปหลายวันแล้ว และไม่ได้คิดว่าจะเอามาลง จึงไม่ได้ถ่ายรูปขั้นตอนการทำไว้เลย ถ่ายแต่รูปที่ทำเสร็จแล้ว คือหัดถ่ายรูปนั่นเอง อีกอย่างตอนทำเค้ก วันนั้นก็ไม่ได้ตั้งใจจะทำ แต่มันรู้สึกคันไม้คันมือตอน 3 ทุ่ม หลังจากกลับมาจากบ้านเพื่อน ส่งลูกเข้านอนแล้ว ก็เลยนำครีมชีสและไข่ไก่ออกมาจากตู้เย็น ทำไม่ทำ ทำไม่ทำ....หันไปดูนาฬิกา....ป้าด 3 ทุ่มแล้ว...เอาก็เอาวะ ไหน ๆ ก็เอาครีมชีสออกมาละ สุดท้ายก็ทำค่ะ

 ก่อนหน้านี้ได้แวะเวียนเข้า ๆ ออก ๆ บ้านคุณอุ้ย แม่ครัวจอมมั่วนิ่ม อยู่บ่อย ๆ เพราะอยากทำชีสเค้กและชอบทานมาก ๆ ค่ะ จึงได้ไปสอยสูตรนี้มา ใครอยากเห็นว่าต้นฉบับเค้าทำสวยขนาดไหนไปดูกันเลยค่ะ (อย่าเอาของเราไปเทียบนะคะ เพราะมันเทียบกันไม่ได้เลย 5555)  "Strawberry Swirl Cheesecake"  

ต้องขอบคุณคุณอุ้ย แม่ครัวจอมมั่วนิ่ม มา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ ก็ถือโอกาสนี้ส่งการบ้านไปเลยค่

Strawberry Swirl and Bluberry Cheesecake



 ต๋อยขออนุญาติยกสูตรจากคุณอุ้ยมาเลยนะคะ ปล.สูตรในวงเล็บเป็นสูตรที่ต๋อยใช้ค่ะ

ส่วนผสมฐานครัสท์ สำหรับสปริงฟอร์มขนาด 18 ซม. (ต๋อยใช้ 20 ซม.ค่ะ)
  • เนยสดเย็น 20 กรัม     (30g)
  • ไข่แดง 1/2 ฟอง     (1ฟอง)
  • น้ำตาลทราย 15 กรัม     (25g)
  • กลิ่นวานิลลา     1/2ชช.
  • เกลือป่น 1 หยิบมือ     (1/4ชช.)
  • แป้งอเนกประสงค์ 50 กรัม     (80g)
  

วิธีทำ

1.อุ่นเตาอบไว้ที 200°C/400°F 

2.ตีเนยรวมกับไข่แดง น้ำตาลทราย วานิลา และเกลือพอเข้ากัน ในอ่าง (ถ้าขี้เกียจล้างอ่างผสมให้หาอ่างก้นลึกพอประมาณมาตีนะคะ เพราะเดี๋ยวเราจะใช้อ่างผสมที่มากับเครื่องตีครีมชีสค่ะ...อิอิ)

3.ใส่แป้งลงไปตีด้วยความเร็วต่ำแค่พอเข้ากัน อย่าตีนานนะคะเดี๋๋ยวแป้งเหลว 

4.จากนั้นก็คลึงแป้งเป็นแผ่นกลมให้ได้ขนาดเท่ากับฐานของพิมพ์ โดยให้มีความหนาเท่า ๆ กันค่ะ แล้วใช้ส้อมจิ้ม ๆ ให้ทั่วแผ่นแป้ง

5.นำแป้งเข้าอบประมาณ 10 นาที หรือจนกว่าจะมีสีน้ำตาลสวยค่ะ จากนั้นนำออกจากเตาอบ แล้วพักให้เย็นบนตะแกรง แล้วจึงครอบด้วยสปริงฟอร์ม

6.ทาเนยรอบๆ พิมพ์แล้วโรยแป้งหรือเกล็ดขนมปังบางๆ ไว้


ส่วนผสมซอสสตรอว์เบอรี่
1. สตรอว์เบอรี่ 100 กรัม     (150g)
2. น้ำตาลทราย 10 กรัม      (15g)
3. น้ำมะนาว 1 ชช.      (ไม่ได้ใส่ค่ะ)
4. แป้งข้าวโพด 1/2 ชต.


 วิธีทำ ปั่นส่วนผสมทุกอย่างรวมกันให้ละเอียด แล้วกรองผ่านตะแกรงตาถี่ ใช้ช้อนกดๆ คั้นๆ ให้ได้น้ำให้มากที่สุด พอได้เนื้อได้น้ำเนียนๆ ไร้เมล็ดเล็กๆ ให้ระคายเคือง นำขึ้นตั้งไฟกลาง คนตลอดเวลาจนเดือดก็ปิดไฟ พักให้เย็นสนิท

 ปล.บอกตรง ๆ ว่ามะนาวหมดพอดีค่ะ ต๋อยไม่ทราบว่าที่ใส่เพราะต้องการให้สีสตอว์เบอรี่แดงสวยหรือใส่เพื่อให้มีรส ชาติเปรี้ยวหน่อย ๆ หันซ้ายหันขวา อะฮ้าอีชั้นมีกีวี หั่นมาเลยครึ่งลูกโยนใส่เครื่องปั่นไปด้วยกันซะเลย 5555 ผลออกมาคือสีเหมือนม่วง ๆ ชมพู ๆ


ส่วนผสมชีสเค้ก
1. ครีมชีส 400 กรัม   
2.
วิปปิ้งครีม 125 มล. 

3. น้ำตาลทราย 70 กรัม
4.
ไข่ไก่ 1 ฟอง

5. ไข่แดง 1 ฟอง
6.แป้งข้าวโพด 30 กรัม 
7.กลิ่นวานิลลา 1 ชช.

วิธีทำ

1.เปิดเตาอบ 170 องศาเซลเซียส ไฟบน-ล่าง วางถาดเปล่าทนไฟไว้ชั้นตรงกลางของเตาอบค่ะ วางตะแกรงในถาดน้ำอีกที นำพิมพ์มาห่อด้วยกระดาษฟลอยด์ (หากต้องการนำพิมพ์วางในถาดน้ำโดยตรง ควรห่อประมาณ 3 ชั้นค่ะ)

 2.ตีครีมชีสให้เนียนก่อนที่จะใส่ส่วนผสมอื่นค่ะต๋อยใช้แบบก้อนห่อกระดาษคล้ายเนยนี่แหล่ะค่ะ ตอนตีไม่ได้ดีจนเนียนมากนัก ทำให้ส่วนผสมไม่ค่อยเข้ากันดี พอหลัง ๆ ตีนานเลยทำให้ชีสเป็นรูเล็ก ๆ เนื้อไม่เรียบเนียนค่ะ ดังนั้นหากเพื่อน ๆ ใช้ครีมชีสแบบต๋อยก็คงต้องตีให้เนียนก่อนนะคะ

(จากที่ได้มีการคุยกับเจ้าของสูตรแล้วพี่อุ้ยแนะนำดังนี้ค่ะ : ถ้าเป็นครีมชีสแบบที่เป็นก้อนห่อกระดาษคล้ายเนยต้องตีครีมชีสให้เนียน ก่อนใส่ส่วนผสมอื่น ไม่งั้นเดี๋ยวจะไม่เข้ากันดี แต่ถ้าใช้ Quark (ซอฟท์ครีมชีส) จะตีรวมกันเลยก็ได้ค่ะ)

 3.ใส่ส่วนผสมที่เหลือทั้งหมดลงไปคนให้เข้ากัน แล้วเทส่วนผสมครึ่งหนึ่งใส่บนฐานครัสท์ที่กรุพิมพ์ไว้ ตักซอสสตรอว์เบอรี่ราดเป็นหย่อมๆ  ก่อนราดคนอีกสักรอบนะคะ แล้วเทครีมชีสอีกครึ่งที่เหลือกลบซอสให้หมด สุดท้ายตักซอสอีกครึ่งที่เหลือราดครีมเป็นหย่อมๆ แล้วคนเป็นลาย โดยการใช้ไม้จิ้มฟันหรือไม้เสียบลูกชิ้นวาดเป็นลวดลายตามในชอบค่ะ 

4.เนื่องจากซอสต๋อยสีไม่แดงมากนักแต่จะออกเป็นม่วง ๆ สักหน่อย ประกอบกับมีบลูเบอร์รี่อยู่ในตู้ เลยตกแต่งหน้าด้วยบลูเบอร์รี่ก่อนเข้าเตาอบค่ะ (ช่วงนี้เตรียมน้ำร้อนไว้เลยค่ะ 1 ถ้วยตวง)

5. นำเค้กเข้าเตาอบ โดยวางถาดน้ำไว้ตรงชั้นกลางของเตาอบ เทน้ำร้อนใส่ถาดที่เตรียมไว้  แล้ววางพิมพ์เค้กบนตะแกรงอีกทีคะ ก้นพิมพ์กับระดับน้ำจะห่างกันเล็กน้อย ดังนั้นจะไม่มีปัญหาเรื่องน้ำเข้าพิมพ์อย่างแน่นอนค่ะ (ด้วยความกลัวก็ยังห่อฟอยด์ไปชั้นนึงด้วย 5555) ใช้เวลาอบประมาณ 60 นาที 

6.พอเค้กสุกก็ปิดไฟ เปิดฝาเตาอบแง้มไว้ ทิ้งเค้กไว้ให้ เย็นตัวในเตาอบประมาณ 20-30 นาที ก่อนนำเค้กออกมาวางบนตะแกรงให้เย็นอุณหภูมิห้อง แล้วก็ค่อยถอดพิมพ์ออกค่ะ นำเค้กเข้าตู้เย็นอย่างน้อย 2 ชม. ก่อนตัดเสิร์ฟ พอดีทำกว่าจะเสร็จก็ปาเข้าไปตี 1 แล้ว งึม ๆ งำ ๆ อยู่หลายชม.กว่าจะเสร็จ ทำเสร็จก็สลบพอดีค่ะ 5555 แต่รสชาติออกมาถูกใจเป็นที่สุดค่ะ หายเหนื่อยเลย




ตอนอยู่ในเตาก็นั่งลุ้นไปด้วย หน้าจะแตกมั้ยน้อ น้ำจะเข้าไปมั้ยน้อ มันจะเละมั้ยน้อ 5555




หน้าตาตอนออกมาจากเตาอบใหม่ ๆ ค่ะ ทำด้วยใจค่ะแอบมีหัวใจตรงกลางด้วย อิอิ





ตัดไม่ค่อยเรียบเท่าไร







9 มีนาคม 2556

Triple Chocolate mousse cake ช็อคโกแลตมูสเค้กง่าย ๆ (แบบไม่ใส่ไข่)

สวัสดีเพื่อน ๆ ชาวบล็อคทั้งหลายอีกครั้ง ต๋อยยังทำอะไรกับบล็อคไม่เป็นเลย นอกจากจะไม่มีเวลาศึกษาแล้วยังจะขี้เกลียดอีก โอ้ย!!!!!!! แล้วเมื่อไรหน้าตาบล็อคจะเป็นรูปเป็นร่างสักทีเนียะ....แต่ก็ไม่เป็นไร เอาแค่นี้ไปก่อนนะกันนะ...ค่อยมาจัดการกันทีหลัง

วันนี้ได้มีโอกาสทำอาหารเพื่อเลี้ยงส่งเพื่อนบ้านและขอบคุณในความช่วยเหลือเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ผ่านมา เมนูง่าย ๆ คงหนีไม่พ้นต้มยำ เลยจัดเมนูต้มยำกุ้ง ปลาหมึกไป 1 หม้อ เตอติย่า (ไข่เจียวสเปน) ยำเห็ดชิเมจิหมูสับ และข้าวหมกไก่ พร้อมกันนี้จะไม่ทำของหวานเลยก็กระไรอยู่ เพราะเราก็หาโอกาสให้คนชิมยากอยู่แล้ว ยิ่งพ่อบ้านอยู่ในช่วงลดพุงด้วยแล้วยิ่งไม่อยากให้ทำเค้ก งานนี้เราเลยมีหนูมาทดลอง....ฮึฮึ

คิดอยู่นานมากกกกกว่าจะทำอะไรดี เปิดดูอากู๋จนตาแฉะ และแล้วก็ตัดสินใจทำ "ช็อคโกแลตมูสเค้ก" โดยขอเลือกวิธีง่าย ๆ ไม่ยุ่งยาก เพราะนี่เป็นการทำมูสในพิมพ์ใหญ่ครั้งแรก จากที่เคยทำแบบใส่แก้วง่าย ๆ มาวันนี้เลยจัดหนัก ทำมัน 3 ชั้นไปเลย ไหน ๆ ก็ทำแล้ว เริ่มปรึกษาอากู๋ จับสูตรนั่นผสมนี่ เลยได้ออกมาเป็นเช่นนี้ค่ะ


ภาพจะมืดๆไปหน่อย (ถ่ายภาพยังไม่ได้เรื่องเลยค่ะ)


ฝรั่งน้อยแอบชิมเล็กน้อย




งานนี้ต้องขอบคุณคุณ " Never the last "และ คุณ " jjbd "  ที่ลงสูตรง่าย ๆ เอาไว้ เพื่อให้เรา ๆ ได้ลองทำกัน ใครอยากเห็นผลงานต้นฉบับตามไปดูได้จ้า


สำหรับสูตรทำสปันจ์เค้กนั้น เราก็ปรึกษาอากู๋อีกเช่นกัน และในที่สุดก็ได้สูตรของคุณ  majolica 

มาดูสูตรที่ต๋อยทำกันเลยค่ะ (ขออนุญาติยกสูตรมาเลยนะคะ คุณครูทั้งหลาย)


สูตรทำสปันจ์เค้กเนื้อนุ่มฟูอร่อยคะ (พิมพ์แบบถอดได้ ขนาด 8 นิ้ว)

แป้งเค้ก                 85 g.
ผงโกโก้                15 g.
ผงฟู                     3/4 ช้านชา
เบคกิ้งโซดา           1/4 ชช.
น้ำตาลทราย           80 g. (ต้นฉบับ 100 กรัม)
เกลือ                    1/2 ช้อนชา
น้ำ                       40 g.
นมข้นจืด               30 g.
ไข่ไก่เบอร์ 0           3 ฟอง
เนยสดละลาย         70 g.
เอสพี                   10 g.

กลิ่นวานิลลา          1/2 ช้อนชา





สปันจ์เค้กก้อนแรกในชีวิตค้าาาา



วิธิทำ

1. เปิดเตาอบด้วยไฟ 180 องศาเซียลเซียส ไฟล่าง ร่อนแป้ง ผงฟู เกลือ เบคกิ้งโซดาสัก 3 รอบ

2. ตอกไข่ใส่อ่างผสม ใส่น้ำตาลทรายป่น น้ำและนม ลงไป ป้ายเอสพีที่หัวตะกร้อ จากนั้นค่อย ๆ ตีด้วยความเร็วต่ำไล่ไปจนความเร็วสูง ประมาณ 5 นาที ส่วนผสมที่ได้จะเป็นครีมข้นขาว  พอเห็นส่วนผสมข้นได้ที่แล้วก็ลดเป็นความเร็วต่ำ 1 นาที แล้วหยุดเครื่อง

3.จากนั้นเทส่วนผสมแป้งลงไป เราแบ่งใส่ 2 ครั้ง และตีด้วยความเร็วต่ำสุด 1 นาที อย่าลืมปาดอ่างด้วยนะคะ

4.ละลายเนยในไมโครเวฟ อย่าให้เดือด แล้วนำผงโกโก้ลงไปผสมคนให้เข้ากันพักไว้

5.เปลี่ยนเป็นตีด้วยความเร็วสูง 5 นาทีเพื่อให้ส่วนผสมขึ้นฟู ปาดอ่าง แล้วตีด้วยความเร็วต่ำ 1 นาที

6.เทส่วนผสมเนยและผงโกโก้ ลงในส่วนผสมของไข่ โดยเทลงไปให้เป็นสาย แล้วตีด้วยความเร็วต่ำ 2 นาที หยุดเครื่องและปาดอ่างเป็นระยะด้วยนะคะ เพราะส่วนผสมอาจยังไม่เข้ากันดี


(เคล็ดลับที่คุณปอนด์เจ้าของสูตรที่ต๋อยไปนำมา มีอยู่ว่า...คุณปอนด์ใช้เครื่องตีมือถือก็เลยใส่เนยลงไปทีละช้อนแทนค่ะ  แล้วตีด้วยความเร็วต่ำให้ส่วนผสมเข้ากัน โดยที่ พอใส่เนยได้ 3 ช้อนโต๊ะแล้วก็ปาดอ่าง 1 ครั้ง  เพื่อให้ส่วนผสมของเนยและไข่เข้ากันดี และให้แน่ใจว่าไม่มีส่วนของเนยอยู่ข้างๆ และ ก้นอ่าง ทำไปแบบนี้จนหมดส่วนของเนยค่ะ ซึ่งจะใช้เวลาไม่นานนะคะ แค่ตีส่วนผสมให้เนียนเข้ากัน ไม่เห็นส่วนของเนยแยกตัวอยู่ ไม่งั้นเค้กที่อบอกมาจะเป็นไตค่ะ ถ้าหากใส่เนยยังไม่หมดแล้วเนยเริ่มไม่อุ่นแล้ว ให้นำเนยที่เหลือไปอุ่นซ้ำอีกค่ะ … เคล็ดลับจากแม่สลิ่ม ขอบคุณมากค่ะ )

เราก็ต้องขอบคุณทั้งแม่สลิ่มและคุณปอนด์อีกทีนะคะ ที่นำเคล็ดลับดี ๆ มาแบ่งปันคะ

7.ตีด้วยความเร็วต่ำ จนเนื้อเนียน ไม่เห็นส่วนของเนย ใส่วนิลลงไป ตีด้วยความเร็วต่ำให้เข้ากัน  ( หรือคนเบาๆ ไม่เช่นนั้นส่วนผสมจะยุบได้ ) แล้วจึงเปลี่ยนเป็นตีด้วยความเร็วสูง 10 วินาที แล้วปิดเครื่องค่ะ 

8.เทส่วนผสมใส่พิมพ์ เคาะก้นพิมพ์เบาๆ เพื่อไล่ฟองอากาศ อย่ากระแทกพิมพ์เค้กนะคะ เพราะอาจจะทำให้เค้กยุบได้ หรือใช้ไม้จิ้มฟันลากไปมาเพื่อไล่ฟองอากาศก็ได้ค่ะ

9.เข้าอบประมาณ 30 นาที ระยะเวลาการอบขึ้นอยู่กับเตาอบของแต่ละบ้านด้วยนะคะ แต่ของเรา 30 นาทีเปะ โดยวางไว้ชั้นที่ 2 นับจากบนสุด เพราะว่าไฟล่างบ้านเราแรงมากมาย เวลาไว้ตรงชั้นกลางของเตาอบก้นขนมไหม้ทุกทีเลย (สังเกตุเตาบ้านตัวเองด้วยนะคะ)

10.นำเค้กออกจากเตา กระแทกพิมพ์เค้ก 1 ครั้ง บนโต๊ะ เพื่อให้โครงสร้างเค้กอยู่ตัว จากนั้นคว่ำเค้กทั้งพิมพ์ลงบนตระแกรง พักเค้กประมาณ 10 นาที จึงแกะพิมพ์ออกจากเค้ก

11.หลังจากที่เค้กเย็นสนิทแล้วเรานำเข้าตู้เย็น ก่อนที่จะนำมาตัดเป็นชั้น ๆ ค่ะ เพื่อจะได้ตัดเค้กได้ง่ายขึ้น และเค้กจะได้ไม่ยุ่ยหลุดง่ายคะ




ขอโทษด้วยนะคะที่ไม่มีภาพขั้นตอนการทำเลย เพราะไม่คิดว่าจะลงบล็อคเลยจริง ๆ ค่ะ



ต่อไปเราไปทำตัวมูสกันเลยค่ะ วันนี้ทำ 3 ชั้น ประกอบไปด้วย dark chocolate, milk chocolate และ white chocolate ค่ะ



สูตรตามนี้เลยคะ

ชั้นที่ 1 (ไม่ชอบขมมากเลยทำไม่เยอะค่ะ)
Dark Choclate 100 กรัม
นมสด 30 ml
วิปปิ้งครีม 200 ml
เจลาติน   1/2  ช้อนชา ละลายน้ำร้อนนิดหน่อย

วานิลลา 1/2 ช้อนชา

ชั้นที่ 2

milk chocolate 150 g (พอดีมี milk choc แค่ 100 gเลยใช้ semisweet choc อีก50g ) 
วิปปิ้งครีม (ส่วนที่ 1) 70 g
วิปปิ้งครีม (ส่วนที่ 2) 200 g

เจลาติน   3/4  ช้อนชา ละลายน้ำร้อนนิดหน่อย
วนิลา 1/2 ช้อนชา

 

ชั้นที่ 3
White Chocolate 150 g
วิปปิ้งครีม (ส่วนที่ 1) 70 g
วิปปิ้งครีม (ส่วนที่ 2) 200 g

เจลาติน   3/4  ช้อนชา ละลายน้ำร้อนนิดหน่อย
วนิลา 1/2 ช้อนชา



หลังจากแช่ตู้เย็นได้ 1 คืน ตอนเช้าก็นำออกจากพิมพ์ค่ะ



วิธีทำ

1.ละลาย Dark Choclate ด้วยวิธีการตุ๋น คนให้ช็อคโกแลตละลายเป็นเนื้อเดียวกัน พอเเข้ากันแล้วเติมนมสดและเจลาตินลงไปและวานิลลาคนให้เข้ากัน พักไว้

2 ตีส่วนผสมวิปปิ้งครีมให้ขึ้นฟูจนตั้งยอดอ่อน เทส่วนของช็อคโกแล็ต ลงไป ใช้ไม้พายค่อยๆตะล่อมให้เข้ากัน จนส่วนผสมเข้ากันดี

3. ใช้พิมพ์แบบถอดข้างได้ ใส่สปันจ์เค้กที่เตรียมไว้ ลงไปในพิมพ์

*เราตัดสปันจ์เค้กออกเป็น 3 ส่วนแล้วใช้เพียง 1 ส่วนค่ะที่เหลือห่อพสาสติกใส่ช่องฟรีซไว้ใช้ครั้งต่อไป
**เพิ่งไปอ่านเจอมาหลังจากที่ทำเค้กเสร็จไปแล้ว เพื่อให้เค้กออกจากพิมพ์ง่ายขึ้น ในขั้นตอนนี้ให้ตัดกระดาษรองเค้กให้ได้ขนาดเท่าฐานพิมพ์แล้ววางไว้ล่างสุดก่อนใส่สปันจ์เค้กค่ะ

4.จากนั้นนำส่วนผสมที่ได้เทใส่ลงไปในพิมพ์เอียงไปมาให้หน้าเรียบ จากนั้นนำเข้าแช่ตู้เย็นช่องธรรมดาประมาณ 1-2 ชม.เพื่อให้มูสเซ็ทตัวก่อนทำชั้นต่อไปค่ะ

***สำหรับชั้นที่ 2 และ 3 ขั้นตอนในการทำเหมือนกันคะ เพียงแค่เปลี่ยนช็อคโกแลตเท่านั้น ส่วนชั้นที่ 1 หากเปลี่ยนส่วนผสมจากนมสด เป็นวิปปิ้งครีมก็ให้ใช้วิธีเดียวกันเลยนะคะ

5.เริ่มจากนำวิปปิ้งครีมใส่หม้อ ตั้งไฟอ่อนๆ พอเริ่มร้อน ใส่เจลาตินลงไป คนให้ละลายหมดจนเข้ากันดี เทใส่รวมกับช็อคโกแล็ต คนจนช็อคโกแล็ตละลายหมดและเข้าเป็นเนื้อเนียนดี ตามด้วยวานิลลา ทิ้งใว้ให้เย็น (หากช็อคโกแลตยังละลายไม่หมดให้ใช้วิธีตุ๋นเหมือนขั้นตอนแรก ๆ ค่ะ)

6.ตีวิปปิ้งครีมส่วนที่ 2 ให้ขึ้นฟูจนตั้งยอดอ่อน เทส่วนของช็อคโกแล็ต ลงไป ใช้ไม้พายค่อยๆตะล่อมให้เข้ากัน พอส่วนผสมเข้ากันดีแล้วนำไปเทใส่พิมพ์เป็นชั้นที่ 2 และ 3 ค่ะ

7. จากนั้นนำแช่ตู้เย็นอย่างน้อย 6 ชม.หรือข้ามคืนก่อนนำมาแต่งหน้าค่ะ

สำหรับวิธีการแต่งหน้านั้นแล้วแต่ความสามารถและวิธีการของแต่ละคนนะคะ สำหรับต๋อยแล้วถือว่าเป็นมูสเค้กก่อนแรกในชีวิต และเพิ่งจะหัดทำเค้กเพียงไม่กี่อย่างเองค่ะ ฝีมือต้องปรับปรุงอีกมากโขเลย ดังนั้นการแต่งหน้าก็ขอเป็นง่าย ๆ ละกันนะคะ คือนำ  semisweet chocolate 50g ละลายด้วยวิธีการตุ๋น จากนั้นใส่ถุงบีบ ลากเป็นเส้นตรงหน้าเค้กและขูดช็อคโกแลตโรยหน้าค่ะ


แต่งหน้าแบบง่าย ๆ ค่ะ

 


ได้เวลาออกงานแล้วค่ะ


ตัดไม่สวยเลย 55555



อืมมมมอร่อยเนาะแม่เนาะ

 

 

 


Cooking with Dozo_Toy

ยินดีต้อนรับเข้าสู่โลกของคนชอบทำอาหารกับ Cooking with Dozo_Toy ใครที่ชอบทำอาหาร เรามารวมตัวกันทางนี้จ้า..... เราเป็นอีกคนห...